แตกประเด็น Print On demand | ปรินท์ออนดิมานด์์
หลังจากที่รอดูท่าที ความเคลื่อนไหวของงานพิมพ์ระบบปรินท์ออนดิมานด์อยู่ได้สักพักใหญ่ ความเคลื่่อนไหวต่าง ๆ นั้นดูเหมือนส่งผลกระทบไม่มากก็น้อยกับงานพิมพ์ออฟเซ็ทเพราะขีดความสามารถของเครื่องปรินท์เองก็พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง
กระดาษที่ใช้ในการพิมพ์ก็สามารถรองรับได้ใหญ่มากขึ้น จาก A3+(ประมาณ 13" x 19") ก็สามารถพิมพ์ขนาดได้ใหญ่ขึ้นประมาณ A4ต่อกัน 3 แผ่น ซึ่งหากเป็นงานพิมพ์แผ่นพับ 3 ตอน ขนาด A4 นั้นก็จะเหมาะสมลงตัวพอดี
ในระบบปรินท์ออนดิมานด์นั้น ข้อดีผู้เขียนเคยได้กล่าวไว้ในบทความก่อนหน้านี้ ซึ่งหลักก็คือเน้นงานยอดพิมพ์จำนวนน้อย พิมพ์เร็ว ไม่ต้องรอนาน ประมาณว่าพิมพ์วันนี้พรุ่งนี้เอาไปใช้งานได้เลย
เคยมีลูกค้าพิมพ์โบว์ชัวร์แจกงานสัมมนา อาร์ตเสร็จวันนี้ตอนบ่ายพรุ่งนี้ต้องได้ของไปส่ง เพราะต้องใช้แจกในงาน ซึ่งหากว่าพลาดท่าเสียที ส่งงานไม่ทัน งานพิมพ์ช้ินนั้นก็เป็นอันว่ากลายเป็นเศษกระดาษไป เกิดความเสียหายแก่ทั้ง 2 ฝ่ายไม่ว่าจะเป็นผู้ผลิตหรือลูกค้าเองก็ตาม
พิมพ์ด่วน พิมพ์เร็ว เป็นข้อดีอันดับต้น ๆ ของงานพิมพ์ระบบออนดิมานด์ นอกจากจะรวดเร็ว ทันทีทันใดแล้ว ความสวยงามของสีีก็ไม่แพ้งานพิมพ์ออฟเซ็ทเลยทีเดียว การไล่สีมีความละเอียดมากขึ้น ซึ่งเมื่อก่อนงานพิมพ์ออนดิมานด์มักจะมีปัญหาการเทสี หรือการปูพื้นเต็มจะไม่เรียบและไม่สวยงามเท่างานพิมพ์ออฟเซ็ท
แต่ปัจจุบันได้มีการพัฒนาให้การเทสีลักษณะนี้มีความละเอียดและสวยงามมากขึ้น อาจจะไม่ดีเท่าออฟเซ็ทเสียทีเดียว แต่เมื่อมีการเคลือบก็จะแทบมองไม่เห็นข้อด้อยตรงนี้เลย
มีอีกอย่างหนึ่งที่ต้องบอกว่าระบบปรินท์ออนดิมานด์ทำได้ดีก็คือ ในเรื่องของ Packaging เครื่องพิมพ์ออนดิมานด์สามารถพิมพ์กระดาษได้หนาถึง 300 แกรมได้อย่างสบาย กล่องบรรจุภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ต้องการงานด่วนหรือเป็นแค่การลองตลาดในส่วนของ Package ก็สามารถนำมาปรินท์เครื่องออนดิมานด์ได้ ส่วนขั้นตอนหลังจากพิมพ์ ไม่ว่าจะเป็นเคลือบ ทำ Uv หรือปั้มตัด ก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน
แต่ข้อด้อยของระบบพรินท์ออนดิมานด์ที่เด่นชัดก็คือ ยอดพิมพ์จำนวนน้อย แต่หากพิมพ์จำนวนมากก็ไม่คุ้มกับค่าใช้จ่าย ซึ่งลูกค้าเองอาจจะต้องเบนหันไปมองออฟเซ็ทจะดีกว่า
อย่างไรก็ตามจุดอ่อนข้อนี้ จะเรียกว่าเป็นข้อด้อยข้อเสียก็คงไม่ใช่ซะทีเดียวเพราะผู้ผลิตเองต้องการเครื่องออนดิมานด์มารองรับ
กับงานพิมพ์จำนวนน้อยอยู่แล้วส่วนเครื่องพิมพ์ออฟเซ็ทซึ่งมีกระบวนการผลิตที่ค่อนข้างยุ่งยากซับซ้อนนั้น ก็รองรับกับงานพิมพ์ยอดจำนวนมาก ๆ ไป
ซึ่งถ้าจะกล่าวให้ถูกต้องและดูดี ก็ต้องบอกว่า ต่างก็ทำหน้าที่ของตนเองไป น่าจะเหมาะสมที่สุด